RML หั่นราคาคอนโด “เดอะริเวอร์“ ริมเจ้าพระยา 52 ยูนิต ตร.ม.ละ 1 แสน

RML-ไรมอน แลนด์ ตอกย้ำความมั่นใจแนวโน้มการเติบโตของตลาดคอนโดฯลีสโฮลด์ ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยและนักลงทุน ล่าสุดเปิดขาย 52 ยูนิตพิเศษโครงการ ‘เดอะ ริเวอร์’ คอนโดฯลักเซอรี่สไตล์รีสอร์ตริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชูจุดเด่นพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ 58-146 ตร.ม. แบบ 1-3 ห้องนอน เริ่มต้นเพียง 100,000 บาท/ตร.ม. ชิงดีมานด์ในช่วงโค้งท้ายปี

นายกรณ์ ณรงค์เดช กรรมการและประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML กล่าวว่า บริษัทจัดโปรโมชั่นโค้งท้ายปี นำยูนิตพิเศษ ‘เดอะ ริเวอร์ ไพรเวต เรสซิเดนเซส’ รูปแบบการขายเป็นสิทธิการเช่าหรือลีสโฮลด์ระยะยาว 30 ปี ได้รับสิทธิต่ออายุอีก 30 ปี มีจำนวนทั้งหมด 52 ยูนิต บนชั้น 23-27 ทุกยูนิตสามารถรับชมทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาและวิวเส้นขอบฟ้ากรุงเทพฯได้เต็มสายตา พื้นที่ใช้สอย 58-146 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 100,000 บาท/ตร.ม.

ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมแบบสิทธิการเช่าระยะยาวหรือลีสโฮลด์ (Leasehold) ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลศักยภาพใจกลางเมือง เนื่องจากมีราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าคอนโดมิเนียมแบบกรรมสิทธิ์หรือฟรีโฮลด์ (Freehold) ซึ่งช่วยให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่ดีกว่า เฉลี่ยที่ 6% ต่อปี

นอกจากนี้โครงการลีสโฮลด์ยังมีจุดเด่นที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติถือครองได้เต็ม 100% จึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในทำเลที่การถือครองแบบฟรีโฮลด์เริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น ดังนั้นเพื่อรองรับความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้น

RML จึงได้เปิดขาย ‘เดอะ ริเวอร์ ไพรเวต เรสซิเดนเซส’ (The River Private Residences) ยูนิตพิเศษในรูปแบบลีสโฮลด์จากโครงการ ‘เดอะ ริเวอร์’ ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เพราะด้วยทำเลที่อยู่รายล้อมด้วยศูนย์การค้าชั้นนำ ร้านอาหารชื่อดัง โรงแรม 5 ดาว และโรงเรียนนานาชาติชั้นนำอย่างโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี

ซึ่งยูนิตพิเศษเหล่านี้มีราคาขายเฉลี่ย 147,000 บาท/ตร.ม. ต่ำกว่าคอนโดฯแบบฟรีโฮลด์ หรือคอนโดฯขายกรรมสิทธิ์ในย่านเดียวกัน ถึง 30-40% ทั้งยังมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางกว่า คาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากกลุ่มลูกค้าที่มองหาคอนโดฯในทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา

สำหรับดีมานด์ในพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยา จากข้อมูลการวิจัยของ CBRE ในไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่ามีคอนโดฯ ทำเลริมน้ำเจ้าพระยา 18,671 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 9.9% ของซัพพลายทั้งหมดในย่านนั้น ขณะที่อัตราดูดซับ (Absorption Rate) สูงถึง 98% แสดงให้เห็นถึงดีมานด์ที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน ด้วยความโดดเด่นด้านทัศนียภาพที่สวยงาม ตลอดจนการเดินทางที่สะดวก สามารถเชื่อมต่อกับย่านธุรกิจสำคัญ เช่น สีลมและสาทร ทำให้พื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยายังคงเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยและนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ

โดย ‘เดอะ ริเวอร์’ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดินทางสะดวกเพียง 5 นาทีถึงไอคอนสยาม และ 10 นาทีถึงเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ใกล้ทั้งโรงเรียนนานาชาติ ศูนย์การค้าชั้นนำ ร้านอาหาร แหล่ง ไลฟ์สไตล์ และโรงแรมระดับ 5 ดาว สามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ ขนส่งสาธารณะ หรือรถไฟฟ้า BTS สายสีทองที่เชื่อมต่อกับสายสีเขียว โครงการยังมอบความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศสงบร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับสากล เช่น ท่าเรือส่วนตัว สระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิก ห้องออกกำลังกายพร้อมวิวแม่น้ำ สนามเด็กเล่น และอื่น ๆ อีกมากมาย

แสนสิริ จับมือพันธมิตร WiTech-IMER ขยาย 2 โรงงานใหม่ เล็งเดินเครื่องต้นปี’68

แสนสิริ เผยโรงงานพรีคาสต์แห่งที่ 5 และ 6 ก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 90% พร้อมเดินหน้าติดตั้งเครื่องจักร นำเข้าจาก 2 บริษัทชั้นนำและเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยีชั้นสูงมาตรฐานระดับโลก จากประเทศอิตาลี

นายฐิติพงค์ มงคลปทุมรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโรงงานพรีคาสต์แห่งที่ 5 และ 6 ว่า ด้านการก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 90% พร้อมเดินหน้าติดตั้งเครื่องจักร นำเข้าจาก 2 บริษัทชั้นนำและเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยีชั้นสูงมาตรฐานระดับโลก จากประเทศอิตาลี

ได้แก่ WiTech Concrete Technology ผู้นำด้านเครื่องจักรผลิตแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปแบบมีรูกลวง (Hollow Core Slab) และผลิตภัณฑ์คอนกรีตอื่น ๆ มากกว่า 50 ปี และ IMER ผู้นำด้านเครื่องจักรผสมคอนกรีตขนาดใหญ่ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง คุณภาพระดับพรีเมี่ยม และเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกในด้านเครื่องผสมและลำเลียงคอนกรีตมากกว่า 60 ปี ตามแผนคาดว่าโรงงานพรีคาสต์แสนสิริแห่งที่ 5 และ 6 สามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตต้นปี 2568 พร้อมรองรับการเติบโตของธุรกิจ และแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในอนาคต

ทั้งนี้ แสนสิริคัดสรรและนำเข้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตและควบคุมคุณภาพที่ทันสมัยระดับโลก มาพร้อมกับระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีสมัยใหม่ มีศักยภาพสูงและมีมาตรฐานระดับสากล มีจุดเด่นด้านความแม่นยำในการกำหนดชิ้นงาน ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของแรงงาน

รวมทั้งยังมีความคล่องตัวสูง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตให้รองรับการดีไซน์แบบบ้านแสนสิริทุกสไตล์ ลดระยะเวลาการก่อสร้าง และสามารถส่งมอบที่อยู่อาศัย ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ภายใต้การควบคุมการออกแบบและคุณภาพโครงการตามมาตรฐานแสนสิริตอกย้ำความเชื่อมั่นในการเป็นแบรนด์อสังหาฯ อันดับหนึ่งของคนไทย

รายละเอียดโรงงานพรีคาสต์แสนสิริแห่งที่ 5 และ 6 มีวงเงินลงทุน 1,400 ล้านบาท บนพื้นที่เกือบ 100 ไร่ ตั้งอยู่ที่ จ.ปทุมธานี ก่อสร้างขึ้นภายใต้ความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และวางนโยบายการบริหารจัดการของเสียอย่างจริงจัง จะพร้อมเปิดดำเนินการและเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงต้นปี 2568

ในอนาคตเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้โรงงานพรีคาสต์แสนสิริ มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 1,000,000 ตร.ม./ปี ครอบคลุมไปถึงคลับเฮาส์, ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ (Main Gate) รวมถึงพรีคาสต์ชิ้นงานอื่น ๆ เช่น รั้วบ้าน, รั้วโครงการ, แผ่นปูทางเท้าดีไซน์เฉพาะโครงการ, ขอบคันหินรูปแบบพิเศษ เป็นต้น ครองแท่นเบอร์หนึ่งผู้ผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และมากที่สุดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย

MBK ต่อจิ๊กซอว์ทำเลกระทู้ ภูเก็ต เปิดขายพูลวิลล่า ‘เดอะพาโน บ้านสวนฯ’

เอ็ม บี เค เรียล เอสเตท-MBK Real Estate ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอ็ม บี เค เปิดตัวโครงการใหม่ THE PANO-Baan Suan Loch Palm Phuket บุกตลาด Luxury Pool Villa รองรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตขยายตัว ชูความหรูหราตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เหนือระดับท่ามกลางธรรมชาติอย่างลงตัว มีความเป็นส่วนตัวสูงเพียง 28 ยูนิต ราคาเริ่ม 32-57 ล้าน

นายกาจพงศ์ พงศ์พนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เอ็ม บี เค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า เอ็ม บี เค เรียล เอสเตท (MBK Real Estate) ธุรกิจในเครือเอ็ม บี เค มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวมากว่า 20 ปี โดยเฉพาะในภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวชั้นนำของโลก…

ซึ่งบริษัทมองเห็นศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง กำลังซื้อมหาศาลจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติ โดยในช่วงปลายปีที่เป็นช่วงพีกสุดของไฮซีซั่นธุรกิจและการท่องเที่ยว บริษัทจึงได้เปิดตัวโครงการ Luxury Pool Villa หรูแห่งใหม่ในทำเลที่ดีที่สุดของภูเก็ต แบรนด์ “THE PANO-Baan Suan Loch Palm Phuket” พูลวิลล่า ระดับลักเซอรี่ บนที่ดิน 30 ไร่ ตั้งอยู่ย่านกระทู้ มีความเป็นส่วนตัวสูงเพียง 28 ยูนิต

บริษัทชูจุดขายมีความโดดเด่นด้านทำเล โครงการ THE PANO-Baan Suan Loch Palm Phuket ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เหนือระดับท่ามกลางธรรมชาติ ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านกระทู้ ซึ่งเป็นโลเกชั่นที่ดีและไม่หนาแน่น เหมาะกับการเป็นที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง โดยไม่ต้องใช้ชีวิตวุ่นวายหรือแบ่งเวลาไปกับการเดินทางที่รถติดในภูเก็ต ซึ่งในอนาคตอันใกล้จะมีทางด่วนใกล้โครงการ ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้นและเข้าถึงสนามบินได้ง่าย

นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิพิเศษเหนือระดับ ด้วยสภาพแวดล้อมภายในโครงการที่เข้าถึงสนามกอล์ฟระดับพรีเมี่ยมถึง 2 สนาม ให้สามารถใช้บริการและดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยภูเขาและต้นไม้เขียวชอุ่ม ภายใต้ชื่อสนามล็อค ปาล์ม กอล์ฟ คลับ (LOCH PALM GOLF CLUB) และเรด เมาเทิน กอล์ฟ คลับ (RED MOUNTAIN GOLF CLUB)

รวมถึงเป็นโครงการที่อยู่อาศัยรองรับ Wellness ซึ่งเอ็ม บี เค ได้บริจาคที่ดินกว่า 30 ไร่ให้กับมหาวิทยาสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เพื่อสร้างโรงพยาบาลสงขลานครินทร์…

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการโครงการหลังการขายอย่างมืออาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้พักอาศัยจะได้รับประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุดและสร้างมูลค่าระยะยาว สำหรับผู้ที่สนใจซื้อเพื่อลงทุนโครงการจึงตอบโจทย์ผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยระดับพรีเมี่ยมในภูเก็ต

โดยเฉพาะชาวต่างชาติและผู้ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศแบบถาวร หรือที่อยู่อาศัยระยะยาว ครอบครัวขนาดเล็ก ครอบครัวใหญ่ที่มีผู้สูงอายุ และผู้ที่ต้องการสัมผัสไลฟ์สไตล์หรูหราใกล้ชิดธรรมชาติ รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกอล์ฟและความเป็นส่วนตัวในทำเลที่สะดวกสบาย ชาวต่างชาติที่ต้องการ Wellness Living ในพื้นที่ที่มีโรงพยาบาลและสนามกอล์ฟชั้นนำ ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ โรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

การออกแบบโครงการ THE PANO-Baan Suan Loch Palm Phuket สไตล์ Modern Tropical มอบไลฟ์สไตล์การพักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติ สร้างความเป็นส่วนตัวและมุมมองอันงดงาม วิลล่าแต่ละหลังได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ภายใต้แนวคิดในการสร้างสเปซที่โปร่งโล่งขนาดใหญ่ เชื่อมต่อพื้นที่ภายนอกบ้านสู่พื้นที่ภายในบ้านให้ประสานกลมกลืน สร้างช่องทางให้ลมไหลผ่านระบายความร้อนได้ดี เปิดรับแสงแดดและลมจากธรรมชาติ

ที่สำคัญ บริษัทพิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุและการตกแต่งคุณภาพสูงทนทานต่อสภาพอากาศของภูเก็ต รับประกันความสวยงามที่ยั่งยืนเหนือกาลเวลา Home is a space and finishing event แค่การวางเฟอร์นิเจอร์ธรรมดา ก็ทำให้บ้านสมบูรณ์แบบ

รายละเอียด THE PANO-Baan Suan Loch Palm Phuket นำเสนอความหลากหลายของแบบบ้าน เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ ตั้งแต่ผู้ที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว ครอบครัวขนาดเล็กถึงครอบครัวใหญ่ที่มีผู้สูงอายุ รวมถึงชาวต่างชาติที่ต้องการหาบ้านสำหรับพักผ่อนแบบถาวร มีบ้านให้เลือกถึง 5 แบบบ้าน แบ่งเป็นเฟสแรกเปิดตัววิลล่าสุดพิเศษ 2 แบบที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 500-700 ตร.ม.

เฟสที่สอง จะเปิดตัววิลล่าอีก 3 แบบ ได้แก่ Type D ขนาด 350 ตร.ม. ฟังก์ชั่น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 32.9 ล้านบาท Type C ขนาด 450 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 44 ล้านบาท Type E ขนาด 550 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ และ 1 พื้นที่อเนกประสงค์ ราคาเริ่มต้น 56.9 ล้านบาท

ด้านการทำตลาดให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และแคมเปญการตลาดที่สร้างสรรค์ตรงกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการใช้สื่อออนไลน์ทุกช่องทาง, KOL, Inluencer และสื่อออฟไลน์ รวมถึงความร่วมมือกับเอเย่นต์ชั้นนำของไทยและต่างประเทศ จัดแคมเปญ Incentive มอบข้อเสนอสุดพิเศษ สูงสุดถึง 8%

โดยโครงการตั้งบนทำเลที่มีศักยภาพและความน่าสนใจในตลาด Pool Villa ระดับหรู จึงมั่นใจว่า THE PANO-Baan Suan Loch Palm Phuket จะเป็นที่ต้องการในกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ

“เราตั้งใจกับโปรเจ็กต์นี้เป็นอย่างมาก เพื่อส่งมอบสิ่งที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ด้วยที่อยู่อาศัยอันสมบูรณ์แบบ โดดเด่นในการผสานความหรูหรา ความเป็นส่วนตัว และความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ในทำเลที่ยอดเยี่ยม การออกแบบที่ผสมผสานความงามแบบร่วมสมัยและแบบดั้งเดิม วิลล่าทุกหลังสร้างด้วยมาตรฐานสูงสุด เราไม่เพียงมอบที่อยู่อาศัย แต่ยังมอบไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับบนที่ดินขนาดกว้างขวาง” นายกาจพงศ์กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับ เอ็ม บี เค เรียล เอสเตท (MBK Real Estate) ธุรกิจในเครือเอ็ม บี เค มีประสบการณ์และความสำเร็จด้านอสังหาริมทรัพย์มากมาย ทั้งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต เช่น โครงการ Quinn Sukhumvit 101 คอนโดมิเนียมหรูสไตล์โมเดิร์น, Quaritz Rama 9 โครงการหรูใกล้กับThe Nine Center Rama 9, โครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมี่ยมในปทุมธานี The Riverdale Residence และ Park Riverdale รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ได้แก่ บ้านสวนล็อคปาล์ม Garden Villa, The CreekThe Indy, โครงการหมู่บ้านสบาย และโครงการล่าสุดTHE PANO-Baan Suan Loch Palm Phuket พูลวิลล่าระดับลักเซอรี่…

JLL สำรวจเทรนด์ มนุษย์ออฟฟิศยุคใหม่มองหา “สถานที่ทำงานในอุดมคติ”

JLL เผยดีมานด์พื้นที่เช่าสำนักงานในไทยสะท้อนเทรนด์การทำงานแห่งโลกอนาคต การออกแบบพื้นที่ทำงานให้สอดคล้องกับการดึงดูดบุคลากรคุณภาพ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความยั่งยืนนับเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

นายไมเคิล แกลนซี่ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล ประจำประเทศไทยและอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า เจแอลแอล ประเทศไทย นำเสนอบทวิเคราะห์จากผลสำรวจ Future of Work 2024 ที่เจาะลึกประเด็นสำคัญเกี่ยวกับโลกของการทำงาน ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยี การออกแบบ ไปจนถึงแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG: Environmental, Social, and Governance)

การสำรวจนี้จัดทำขึ้นทุกสองปี ตั้งแต่ปี 2554 โดยได้ศึกษาถึงโลกของการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป และชี้โอกาสในการลงทุนในการออกแบบสถานที่ทำงานที่สามารถเสริมสร้างความพึงพอใจ สุขภาวะที่ดี และประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ปีนี้การสำรวจได้วิเคราะห์ลำดับความสำคัญ ความท้าทาย และกลยุทธ์ของผู้นำธุรกิจและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ (CRE: Corporate Real Estate) กว่า 2,300 คนทั่วโลก

จากการวิเคราะห์ของเจแอลแอลพบว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผู้เช่าพื้นที่สำนักงานในไทยหันมาย้ายไปเช่าอาคารสมัยใหม่มากกว่าอาคารที่เช่าอยู่ในปัจจุบันมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อเนื่องไปถึงปี 2571 โดยมีแรงหนุนจากการเปิดตัวอาคารสำนักงานใหม่ระดับพรีเมี่ยมในย่านธุรกิจหลัก

การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับองค์กรบริษัทในการทบทวนกลยุทธ์ Future of Work เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน พร้อมทั้งปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ESG ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

“พื้นที่สำนักงานรูปแบบใหม่ที่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์ของสถานที่ทำงาน นอกจากนี้ ยังนับเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับองค์กรต่าง ๆ ในการปรับกลยุทธ์การออกแบบพื้นที่ทำงานให้ตอบโจทย์พนักงานทั้งในด้านความยืดหยุ่นและความยั่งยืน พร้อมทั้งส่งเสริมประสิทธิภาพและนวัตกรรมในการทำงานอีกด้วย“

ทั้งนี้ ผลสำรวจ Future of Work 2024 ระบุว่า องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญกับการออกแบบสถานที่ทำงานในฐานะปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กร แนวโน้มนี้เริ่มเห็นชัดขึ้นสำหรับในประเทศไทย จากความต้องการ “สถานที่ทำงานในอุดมคติ” (Destination Workplaces) ที่ผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย การใช้งานอย่างอเนกประสงค์ และแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน

โดยผลสำรวจพบว่า 65% ขององค์กรทั่วโลก มีแผนเพิ่มการลงทุนในด้านความยั่งยืนของสถานที่ทำงาน ขณะที่เกือบ 80% คาดว่าสำนักงานของตนจะใช้งาน AI ได้อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2573 ซึ่งแนวโน้มเหล่านี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในการพัฒนาอาคารสำนักงานสมัยใหม่ในไทย

นายอนาวิล เจียมประเสริฐ หัวหน้าแผนกบริการงานวิจัยและให้คำปรึกษา บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จํากัด (JLL) กล่าวเพิ่มเติมว่า การออกแบบสถานที่ทำงานกำลังกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้บริษัทในประเทศไทยบรรลุเป้าหมายทั้งในเรื่องการดึงบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงาน รวมถึงเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

“ความต้องการพื้นที่สำนักงานที่ใหม่และทันสมัยสามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการให้ลำดับความสำคัญในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งสถานที่ทำงานในปัจจุบันจะต้องสามารถสะท้อนคุณค่าขององค์กร สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่พนักงาน และมีส่วนร่วมในพันธกิจด้าน ESG ที่ครอบคลุมมากขึ้น”

ความสนใจในเรื่องความยั่งยืนที่ขยายตัวมากขึ้นกำลังส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงพื้นที่เดิม การออกแบบหมุนเวียน (Circular Design) ที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการสร้างอาคารที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อาคารสำนักงานยุคใหม่ในประเทศไทยเปิดโอกาสให้ธุรกิจต่าง ๆ นำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้ พร้อมช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

งานวิจัยยังพบว่าพื้นที่ทำงานที่ออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นที่นิยมภายในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดย 71% ของคนเจเนอเรชั่น Z และมิลเลนเนียลให้ความสำคัญกับตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยหรือที่ทำงาน

ด้านนายสตีเฟน เทเลอร์ กรรมการผู้จัดการ บริการบริหารโครงการก่อสร้าง ออกแบบ และตกแต่ง ประจำประเทศไทย บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ แอ๊ดไวซอรี่ จำกัด กล่าวว่าพื้นที่สำนักงานในปัจจุบันต้องทำมากกว่าแค่รองรับการทำงาน แต่ยังต้องสร้างแรงบันดาลใจ ส่งเสริมการคิดค้นนวัตกรรม และแสดงถึงความรับผิดชอบขององค์กรอีกด้วย

“งานวิจัยของเราเน้นย้ำถึงศักยภาพของการออกแบบที่ใช้วิทยาศาสตร์เป็นหลัก เพื่อเปลี่ยนสถานที่ทำงานให้เป็นสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมสุขภาวะที่ดี และตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน”

ความต้องการพื้นที่สำนักงานระดับพรีเมี่ยมที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยสะท้อนถึงแนวโน้มในระดับภูมิภาคและทั่วโลกที่มุ่งเน้นสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพสูง โดย 64% ขององค์กรที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าจำนวนพนักงานจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2573 และมากกว่าครึ่งหนึ่งคาดว่าจะขยายพื้นที่สำนักงานของตน การมีสำนักงานที่ทันสมัยและสามารถปรับตัวได้จึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้

รายงานวิจัย Future of Work 2024 ของเจแอลแอล ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการออกแบบสถานที่ทำงานที่ส่งเสริมการบรรลุเป้าหมายขององค์กร ตั้งแต่การเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน จนถึงการปฏิบัติตามข้อผูกพันด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ขณะที่ตลาดสำนักงานในประเทศไทยยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจต่าง ๆ จึงมีโอกาสในการเป็นผู้นำด้านการสร้างสถานที่ทำงานแห่งอนาคต

PROUD อวดโฉมบ้านหรูพร้อมอยู่ VI ARI จำนวนจำกัด 6 ยูนิต เริ่ม 75 ล้าน

PROUD อวดโฉมโครงการ VI ARI (วี อารีย์) บ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury เพียง 6 ยูนิต ใจกลางอารีย์ ซ.3 ออกแบบโดยดีไซเนอร์ระดับโลก พร้อมก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์และสามารถเข้าอยู่ โอกาสทองสำหรับนักลงทุนซื้อปล่อยเช่า รับผลตอบแทน 6-7% ต่อปี ราคาเริ่มต้น 75 ล้านบาท

นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการ VI ARI (วี อารีย์) บ้านเดี่ยวจำนวนจำกัดเพียง 6 ยูนิต ทำเลศักยภาพสูงใจกลางอารีย์ ซ.3 ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยและพร้อมเข้าอยู่

รายละเอียด โครงการ VI ARI (วี อารีย์) เป็นบ้านเดี่ยวเพียง 6 ยูนิต บนทำเลหายากย่านอารีย์ ซอย 3 โดดเด่นด้วยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์โดยดีไซเนอร์ระดับโลก ผสานฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุดในทุกยูนิต

ดีไซน์คอนเซ็ปต์ Your Signature Penthouse สามารถปรับแต่งพื้นที่ใช้สอยกว่า 550 ตร.ม. ได้อย่างอิสระ เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรพื้นที่สำหรับครอบครัวทุกประเภท หรือการออกแบบที่สะท้อนไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล

ทุกยูนิตในโครงการรองรับฟังก์ชั่น 3-5 ห้องนอน, 6 ห้องน้ำ, 2 ระเบียงพร้อมจัดสวน, 1 ห้องแม่บ้าน และ 3 ที่จอดรถ รวมถึงขยายพื้นที่ในแต่ละชั้นสามารถปรับเปลี่ยนเป็น Penthouse ส่วนตัว ให้สมาชิกในครอบครัวสร้างพื้นที่อยู่อาศัยที่สะท้อนเอกลักษณ์ของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นห้องพักผ่อนสุดหรู ห้องทำงานพร้อมวิวสวน หรือพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ชีวิต แต่ละยูนิตยังมาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวพร้อมระบบ SwimJet และลิฟต์ในตัว

นอกจากนี้ยังมีระบบ Smart Home และนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบ Gated Community ดูแลความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุดภายในโครงการ สอดคล้องกับแนวคิดเพื่อชีวิตที่ดีและยั่งยืน (ALL IS WELL) ของพราว เรียล เอสเตท

อีกสิ่งสำคัญที่ถือเป็นหัวใจของที่นี่คือ “มูลค่าและคุณค่าของทำเลย่านอารีย์” เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเดินทางสะดวกสะบาย ใกล้รถไฟฟ้า ทางด่วน แต่ยังคงเสน่ห์ และความเงียบสงบน่าอยู่ติด 1 ใน 50 อันดับ ทำเลน่าอยู่ที่สุดในโลก

ถึงแม้จะมีความต้องการมากแต่เนื่องจากที่ดินแนวราบในอารีย์มีจำนวนจำกัด การสร้างโครงการลักษณะนี้อาจจะไม่สามารถทำได้อีกง่าย ๆ ทำให้ VI ARI (วี อารีย์) เป็นโครงการที่ระดับ Rare Item และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต

โดยราคาที่ดินในย่านนี้อยู่ที่ 500,000-600,000 บาท/ตร.ว. ซึ่งจากข้อมูลของกรมธนารักษ์ พบว่ามีอัตราเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปีในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา คาดว่าราคาประเมินที่ดินปี 2570-2574 จะเพิ่มขึ้นถึง 725,000 บาท/ตร.ว.

ด้วยศักยภาพของทำเลใจกลางอารีย์ที่อยู่ในเมือง เดินทางสะดวกสบาย เพียง 15 นาทีถึงโซนสยาม-สามย่าน -สีลม ย่านไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง และย่านธุกิจ เป็นที่ต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวชาวต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย ทำให้โครงการ VI ARI (วี อารีย์) เหมาะทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 6-7% ต่อปี* คุ้มค่าสำหรับซื้อเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าได้อย่างมั่นคงในอนาคต

PROUD อยู่ระหว่างจัดโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ส่งท้ายปี Signature Offering Price ราคาเริ่มต้น 75 ล้านบาท เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการออกแบบพื้นที่ใช้สอยบ้านในแบบฉบับของตนเอง เป็นราคาดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่ตั้งใจซื้อเพื่ออยู่เองหรือเพื่อปล่อยเช่า เป็นโอกาสสุดท้ายที่หาได้ยากมากกับการได้เป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวหรูพร้อมที่ดินใจกลางอารีย์

… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/property/news-1717455